วันเสาร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2553

ดอกไม้

เรื่องเที่ยวจากทางบ้าน

เที่ยวลพบุรี + สระบุรี ชมความงดงามตระการตาของทุ่งดอกทานตะวันนับหมื่นไร่


เที่ยวลพบุรี + สระบุรี ชมความงดงามตระการตาของทุ่งดอกทานตะวันนับหมื่นไร่



เที่ยวลพบุรี + สระบุรี ชมความงดงามตระการตาของทุ่งดอกทานตะวันนับหมื่นไร่ โดย...แอ๋ม

พืชเศรษฐกิจที่เสริมความงามของท้องทุ่ง ในช่วงเดือนพฤศจิกายน - มกราคม ของทุกปี

ทุ่งทานตะวันพวกเราเคยไปสัมผัสบรรยากาศอันยิ่งใหญ่ตระการตามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่มีในกลุ่มบางท่านยังไม่ได้ไปชม วันนี้พวกเราก็นัดรวมตัวกันอีกครั้งที่ศรีราชา จริง ๆ แล้วต้นเดือนพฤศจิกายนไม่ใช่วันที่เหมาะสมนักสำหรับการเที่ยวชมทุ่งดอกทานตะวัน แต่ด้วยเหตุว่าคุณน้ามาจากพังงา ต้องเดินทางกลับพรุ่งนี้ ก็เลยวางโปรแกรมเผื่อฟรุ๊ค (ฟรุ๊คมีบ่อย)

แอ๋มรับหน้าที่เป็นโชเฟอร์มือหนึ่งตามระเบียบ เพราะทริปนี้โอมไม่ได้มาด้วย รวมผู้ร่วมตะลอนวันนี้ 5 คน แอ๋ม คุณพิศ + เพ็ญ จิ๊บ + จิ๊ก เริ่มออกเดินทางจากศรีราชาเวลาประมาณ 06.30 น. ขับรถไปตามถนนมอเตอร์เวย์ต่อถนนวงแหวนตะวันออก หลังออกถนนพหลโยธิน แวะทานอาหารเช้ากันที่ร้านอาหารภายในปั้มน้ำมัน ปตท. แล้วก็เดินทางต่อไปยังจุดหมายแรกคือพระพุทธบาทสระบุรี ถึงพระพุทธบาทประมาณ 09.20 น. แวะเก็บภาพพระพุทธบาทแล้วก็ไหว้พระพุทธบาท เพื่อความเป็นสิริมงคลในการเดินทาง

เส้นทางที่แนะนำในการท่องเที่ยวชมทุ่งดอกทานตะวันให้ได้ครบถ้วนทุกท้องทุ่งทั้งที่ลพบุรี และสระบุรี ก็ขอแนะนำเส้นทางตามที่พวกเราใช้เดินทางในวันนี้นะคะ ออกจากพระพุทธบาทสระบุรีเลี้ยวซ้ายเจอสี่แยกไฟแดงแรก ตรงไปลพบุรีให้เลี้ยวขวาไปทางอำเภอพัฒนานิคม ขับรถไปสักพักผ่านทุ่งข้าวฟ่างสวยสะดุดตา ต่างมีความเห็นตรงกันว่า จะต้องถอยหลังรถแวะไปเก็บภาพสวย ๆ ของทุ่งข้าวฟ่างกันก่อน งานนี้คุณพิศก็เลยได้ประเดิมกล้องกับทุ่งข้าวฟ่างเป็นจุดแรก เลยทุ่งข้าวฟ่างไปนิดเดียวก็พบกับแปลงดอกทานตะวันหน้าบ้านของชาวบ้านกำลังเบ่งบานรับนักท่องเที่ยว เรารีบจอดรถหน้าบ้านเจ้าของแปลงดอกทานตะวัน แล้วก็เดินตรงรี่ไปชื่นชมดอกทานตะวันโดยไม่ได้ขออนุญาตเจ้าของบ้าน

สักพักเจ้าของบ้านคุณพี่สาคร ด้วงทอง แห่งอำเภอพระพุทธบาท ซึ่งมีอัธยาศัยที่ดีมากเดินมาทักทายพวกเราด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม พี่สาครให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกทานตะวันเป็นพืชเศรษฐกิจของชาวลพบุรี + สระบุรี อย่างถี่ถ้วน พี่สาครเล่าว่า ชาวบ้านจะปลูกทานตะวันปีละ 1 ครั้งเท่านั้น หลังเก็บเกี่ยวดอกทานตะวันก็จะปล่อยให้ท้องทุ่งพักตัวจนถึงฤดูฝนก็จะลงข้าวโพด หลังเก็บเกี่ยวข้าวโพด ก็ทิ้งให้พื้นดินว่างเปล่า และเริ่มลงดอกทานตะวันอีกครั้งหลังหน้าฝน

ในละแวกนี้แปลงดอกทานตะวันของพี่สาครเพิ่งจะเบ่งบานเป็นแปลงแรก ส่วนชาวบ้านรายอื่นเพิ่งจะได้ปลูกเนื่องจากปีนี้ฝนตกชุกมาก แม้กระทั่งที่เขาจีนแล ซึ่งทุกปีช่วงระยะเวลานี้ดอกทานตะวันจะต้องเริ่มแย้มกลีบบ้างแล้ว แต่ในปีนี้มีปัญหาเรื่องฝนไม่สามารถใช้รถไถหว่านได้ ดอกทานตะวันที่วัดเขาจีนแลจึงค่อนข้างจะโตช้ากว่าที่บ้านพี่สาครมาก นอกจากให้ข้อมูลเกี่ยวกับการปลูกทานตะวันแล้ว พี่สาครยังเป็นธุระแนะนำมุมถ่ายภาพที่สวย ๆ กับทุ่งดอกทานตะวัน แถมด้วยการบริการเก้าอี้ให้คุณพิศยืนถ่ายภาพมุมกว้างด้วย ทำเอาพวกเราซาบซึ้งน้ำใจเป็นอย่างมาก คาดว่าปีหน้าถ้ามีโอกาสไปแถวนั้นอีกคงจะแวะเยี่ยมเยือนพี่สาครเป็นแน่ เพราะทั้งหมดที่พี่สาครมอบให้พวกเราไม่ได้คิดเป็นเงินตราค่าบริการแต่อย่างใด พี่เค้าให้ด้วยน้ำใจของชาวบ้านแท้ ๆ น่านับถือยิ่งนัก

ออกจากไร่ทานตะวันบ้านพี่สาคร พวกเราก็มุ่งหน้าไปทุ่งทานตะวันวัดเวฬุวันหรือวัดเขาจีนแลที่เคยได้ชื่นชมความงามนับหมื่นไร่ที่นั่น โดยใช้เส้นทางจากวงเวียนบ้านโคกตูมเลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางไปอ่างซับเหล็ก ผ่านหน้าทางเข้าอ่างซับเหล็ก เลยไปประมาณ 1 กิโลเมตร ก็จะถึงทางเข้าทุ่งทานตะวันวัดเวฬุวัน ซึ่งสังเกตจากป้ายวัด และฟาร์มเพาะเห็ด แต่ในวันนี้เป็นจริงตามที่พี่สาครบอกกล่าว ทุ่งทานตะวันที่วัดเขาจีนแล (สถานที่จัดงานทุ่งทานตะวันของจังหวัดลพบุรี) ต้นดอกทานตะวันเพิ่งจะโตแค่เข่า คาดว่าในปีนี้ทุ่งทานตะวันจะบานเต็มท้องทุ่งก็คงราว ๆ กลางเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคม

หลังจากผิดหวังจากทุ่งทานตะวันวัดเขาจีนแลก็เดินทางย้อนมายังวงเวียนบ้านโคกตูมอีกครั้ง จุดหมายต่อไปคือทุ่งทานตะวันที่วัดมณีโสภณ อำเภอพัฒนานิคม จากวงเวียนบ้านโคกตูม ถ้าเลี้ยวซ้ายจะไปอำเภอเทพสถิตย์ เราใช้เส้นทางตรงไปอำเภอพัฒนานิคม ขับรถไปพักนึงก็จะเจอสามแยกให้เลี้ยวซ้ายไปตามเส้นทางเขื่อนป่าสัก + แก่งเสือเต้น (ป้ายบอกระยะทาง 27 กม) ขับรถตรงไปเรื่อย ๆ ก็จะไปบรรจบกับถนนสายสระบุรี - หล่มสัก ที่เลี้ยวขวามาจากสามแยกพุแค บนถนนพหลโยธิน ซึ่งบนถนนสายนี้จะมีงานเที่ยวทุ่งทานตะวันในวันที่ 1-10 ธันวาคม ณ ทุ่งทานตะวันกิโลเมตรที่ 13 แต่ ณ วันนี้ดอกทานตะวันแถบนั้นเพิ่งจะออกดอกเล็ก ๆ พวกเราใช้เส้นทางตรงไปอำเภอพัฒนานิคม ขับรถมาถึงประมาณซอย 8 พบทุ่งทานตะวันข้างทางอีก 1 แห่ง แต่มีการขึงเชือกฟางเก็บเงินค่าบริการเข้าทุ่งคนละ 5 บาท พวกเราไม่ได้แวะเนื่องจากยังมีความหวังที่วัดมณีโสภณ ขับรถมาถึงประมาณซอย 12 ผ่านหน้าวัดมณีโสภณ ซึ่งทุกปีจะมีทุ่งดอกทานตะวันบานสะพรั่ง ตอนแรกคิดว่าดอกทานตะวันที่นี่คงจะเบ่งบานประมาณต้นเดือนธันวาคม ผ่านหน้าวัดสังเกตมีป้ายเชิญชวนให้ไปชมทุ่งดอกทานตะวัน ก็เลยต้องถอยหลัง (ถอยหลังอีกแล้ว) ขับรถเข้าไปในบริเวณวัดมณีโสภณ และก็ไม่ผิดหวัง

หลังเข้าไปสุดเขตวัดก็ต้องตะลึงกับทุ่งทานตะวันทุ่งใหญ่ที่กำลังออกดอกบานสะพรั่งเหลืองอร่ามเต็มท้องทุ่ง ที่นี่พวกเราได้พบกับนักท่องเที่ยว 2 กลุ่ม (คงจะมาเที่ยวแบบเผื่อฟรุ๊คเหมือนพวกเรา) ที่วัดได้จัดโต๊ะสูงไว้สำหรับตากล้องถ่ายภาพมุมกว้างไว้บริการในแปลงดอกทานตะวันด้วย ทุ่งทานตะวันที่นี่จะกว้างใหญ่กว่าที่บ้านพี่สาคร และเป็นทุ่งที่ 2 ที่พวกเราได้สัมผัสความงดงามกันเต็มอิ่ม หลังเก็บภาพกันหนำใจ ก็แวะรับพร และทำบุญที่ศาลาวัดติดกับทุ่งทานตะวัน ออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังอำเภอวังม่วง จุดหมายปลายทางในวันนี้ของพวกเราคือ ฟาร์มโชคชัยที่ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา

เราเลือกใช้เส้นทางผ่านด้านหลังเขื่อนป่าสัก (ไม่ได้แวะเขื่อนป่าสักเนื่องจากเกรงว่าจะเข้าไปชมฟาร์มโชคชัยไม่ทันเวลาที่จองไว้) สังเกตุทุ่งทานตะวันละแวกนั้นเพิ่งจะออกดอกตูมเล็ก ๆ ผ่านอำเภอวังม่วง ที่เคยสัมผัสท้องทุ่งเหลืองอร่ามของดอกทานตะวัน ในวันนี้ก็ยังคงออกดอกเขียว ๆ เล็ก ๆ พวกเราคาดว่าดอกทานตะวันส่วนใหญ่จะบานประมาณ กลางเดือนธันวาคมถึงต้นเดือนมกราคมเป็นส่วนใหญ่ ในเส้นทางนี้ที่พวกเราคุ้นเคยก็จะผ่านอุโมงค์ต้นไม้ที่ร่มครึ้มสวยงามจากต้นกระถินป่าที่โน้มกิ่งมาปกคลุมถนนบางช่วง เข้าเขตอำเภอมวกเหล็ก ขับรถผ่านไร่องุ่นคุณมาลีก็ไม่ได้แวะ เพราะถึงเวลาเที่ยวแล้ว หลายคนบ่นหิวข้าวและอากาศร้อนมาก

แต่ก็ต้องลืมความหิวระยะหนึ่ง เนื่องจากเห็นป้ายข้างทางบอกว่ามีทุ่งดอกบัวตองให้ชมที่ไร่นิยมไพร ว๊าวๆๆๆๆๆ ทุ่งดอกบัวตองที่มวกเหล็ก ด้วยวิสัยที่สอดรู้สอดเห็นของพวกเราก็อดไม่ได้ที่จะแวะเข้าไปพิสูจน์ ทุ่งดอกบัวตองภาคกลางมีด้วยหรือ????? จากทางแยกถนนสายเขื่อนป่าสัก - มวกเหล็ก มีถนนลูกรังเล็ก ๆ ขับขึ้นเนินเขาสูงชันเล็กน้อย ใจนึงก็สงสารรถเพราะวันนี้มาด้วยรถเก๋ง Toyota Soluna ไม่ใช่รถกะบะ Toyota Sport Rider แต่ด้วยความมั่นใจในตัวถัง GOA ของรถ Toyota บวกกับความอยากรู้อยากเห็นของกลุ่มพวกเรา ก็ตัดสินใจขับรถขึ้นเนินเขาเข้าไปในไร่ เส้นทางส่วนใหญ่จะเป็นหินลูกรัง (ไม่ใช่ดินนะแต่เป็นหิน) คาดว่าระยะทางจากถนนลาดยางประมาณ 3 กิโลเมตรก็ถึงทางเข้าไร่นิยมไพร ที่นั่นต้องจ่ายค่าผ่านเข้าไร่ ผู้ใหญ่10 บาท เด็ก 5 บาท สภาพไร่ก็เป็นไร่ไม่ใหญ่มาก เส้นทางในไร่ก็เป็นถนนดินบ้าง ถนนลูกรังบ้างเป็นบางช่วง แต่ขอแนะนำว่าผู้ที่ต้องการเข้ามาในไร่ควรจะมาด้วยรถปิคอัพจะเหมาะกว่ารถเก๋ง ทุ่งดอกบัวตองที่นี่มีจริงค่ะ แต่ก็เป็นต้นเล็ก ๆ ประปรายไม่ได้ขึ้นหนาแน่นเหมือนกับทางภาคเหนือ ต้นดอกบัวตองก็ยังเล็กมาก ที่นี่น่าจะเหมาะกับผู้ที่อยากจะเห็นว่าดอกบัวตองมีลักษณะอย่างไรมากกว่าการชมความงามของทุ่งดอกบัวตอง และไม่มีเวลาที่จะเดินทางไปถึงจังหวัดแม่ฮ่องสอน จะสนุกสนานก็ตอนที่ได้ปีนป่ายขึ้นหอชมวิวในสวนนั่นแหละ

ออกจากไร่นิยมไพรเริ่มรู้สึกหิวกันอีกแล้ว แต่ก็ยังหาร้านอาหารเหมาะ ๆ ถูกใจไม่ได้ จนกระทั่งออกถนนมิตรภาพ เลี้ยวซ้ายมุ่งหน้าไปอำเภอปากช่อง แวะรับประทานอาหารที่ร้านริมทางแก้หิว ร้านที่แวะมีป้ายชวนชิมลูกชิ้นปลากรายแต่ก็ยังไม่ถูกใจพวกเราก็เลยไม่ได้แนะนำชื่อร้าน

เดินทางถึงฟาร์มโชคชัยประมาณบ่ายสองโมง หลังยืนยันการเข้าชมฟาร์ม แวะรับแอร์ เย็น ๆ ในร้านไอสครีมหน้าฟาร์ม เพื่อรอเวลาเข้าชมฟาร์ม บันทึกเรื่องเที่ยวเรื่องต่อไปของพวกเรา จะนำเพื่อน ๆ ไปชมกิจกรรมต่าง ๆ ในการท่องเที่ยวฟาร์มโชคชัยกันค่ะ




ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น